"ลำปางเมืองต้องห้าม"ห้ามพลาดที่จะมา
" Lampang Fire Clock Tower "
มาลำปางให้ไป: 5แยกหอนาฬิกามาไม่ถึงถือว่า"พลาด"
เข้ามาข้างในเมืองบ้างแล้ว ตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ก็มาถึง 5 แยกหอนาฬิกาหอนาฬิกาดูเหมือนจะเป็นแลนมาร์ก หรือจุดหมายตาลำดับแรกที่เรานึกถึง แน่หละนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมักถามหาห้าแยกหอนาฬิกา รถม้าหลายคันพอแล่นมาถึงตรงนี้ ก็คาดเดาได้เลยว่านักท่องเที่ยวต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพแน่ๆ
ข้อมูล : ห้าแยกหอนาฬิกา นับว่าเป็นใจกลางของเมืองลำปาง
ที่ตั้ง : วงเวียน ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง 52000
การเดินทาง : สามารถเดินทางโดยใช้บริการรถรอบเวียง หรือรถม้า
ห้าแยกหอนาฬิกา Clock at 5 Corners intersection
ห้าแยกหอนาฬิกา ใจกลางเมืองลำปาง
กลุ่มเราได้มีโอกาสมาศึกษาในตัวเมืองลำปาง ได้แต่ขับรถผ่านตลอด พอได้งานที่ครูทำ เลยมีโอกาสได้ไปแวะเก็บภาพสถานที่น่าประทับใจบริเวณนี้ 5 แยกหอนาฬิกา ซึ้ง 5 แยกหอนาฬิกา มีสถานที่ออกกำลังกาย มีลานการแสดงต่างๆ และยังเป็นแยกที่อยู่ตรงเทศบาลนครลำปาง ใจกลางเมืองลำปาง เรียกว่าใครไม่เจอ 5แยกหอนาฬิกา เหมือนกับว่ายังกลับไปไม่ถึงบ้านเกิด..กันเลยก็ว่าได้ ครับ ซึ้งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้พัฒนาไปมากมีทั้งน้ำพุที่สวยกว่าเดิม และยังรวมไปถึงมีสถานีบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย...
ดูภาพ 5 แยกหอนาฬิกา ต่อ..
ผมกำลังหาประวัติของ 5แยกหอนาฬิกา อยู่ตอนนี้แต่หายากมากเลยครับ...ถ้าใครไปเจ๊อ..ที่ไหน..ช่วยกรุณา คอมเม้น บอกผ่านผมด้วยนะครับ...เพื่อประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ...เน้อ
มาดูภาพถ่ายกันเจ้า กันเถอะ..
มาดูภาพถ่ายกันเจ้า กันเถอะ..
หอนาฬิกาดูเหมือนจะเป็นแลนด์มาร์ก หรือจุดหมายแรกที่เรานึกถึง นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยก็มักถามหา.. ห้าแยกหอนาฬิกา เสมอรถม้าหลายคันพอแล่นมาถึงตรงนี้ ก็คาดเดาได้เลยว่าบรรดานักท่องเที่ยวคงต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพแน่ ๆ
หอนาฬิกาไม่เพียงบอกเวลา แต่ครั้งหนึ่งเคยเปรียบดังสัญลักษณ์ที่บอกถึงอารยะ
จะว่าไปแล้ว หอนาฬิกานับเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของเมืองด้วยเหมือนกัน เห็นภาพหอนาฬิกาเมืองต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตแล้วต้องทึ่ง เพราะต่างก็สวยงาม ดูเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะออกแนวเท่ๆ อย่างของตรัง แนวอาร์ต ๆ ต้องยกให้ราชบุรี แนวโมเดิร์นสุดล้ำของสมุทรปราการ แนวชิโน-โปรตุกีสสง่างามของภูเก็ต ส่วนหอนาฬิกาเมืองลำปางเราก็สวยคลาสสิกไม่น้อยหน้าใคร แม้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่าของเชียงรายที่ออกแบบใหม่โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เถอะ
ประวัติล้านนา เมืองลำปาง"ห้าแยกหอนาฬิกา"
การสร้างหอนาฬิกามีจุดเริ่มต้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนราชสีหวิกรมคิดแบบสร้างหอนาฬิกาขึ้น เพื่อใช้บอกเวลาแก่สาธารณชน ลักษณะเป็นหอนาฬิกาแบบตะวันตก หน้าปัดมี 4 ด้าน สูง 10 วา โดยสร้างขึ้นที่ทิมดาบ (ที่พักของทหารรักษาการณ์ในเขตพระราชวัง) เนื่องจากเป็นตำแหน่งเดียวกับมุขเด็จพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ทว่าหอนาฬิกามาอยู่ในความสนใจของรัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศ ที่เรืองอำนาจในช่วงปี พ.ศ. 2481-2487 และกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งในปี พ.ศ. 2491 กระทั่งในปี พ.ศ. 2500 จึงถูกคณะรัฐประหารนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจจนต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศจนวาระสุดท้ายของชีวิต
บ้านเมืองในยุคจอมพล ป. ก็อย่างที่เรารับรู้กันว่าเป็นยุคชาตินิยม มีการส่งเสริมกระตุ้นให้คนไทยพยายามทำตัวแบบอารยะประเทศ รวมทั้งมีการก่อสร้างถาวรวัตถุตามแบบอย่างประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งหอนาฬิกาก็ดูเหมือนจะสื่อถึงความเจริญเฉกเช่นประเทศตะวันตกได้อย่างชัดแจ้ง ขณะเดียวกันการสร้างหอนาฬิกายังเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในช่วงที่ยังไม่มีนาฬิกาใช้อย่างแพร่หลาย
อ้างถึงราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2497 กล่าวถึงรัฐบาลมีนโยบายให้ทุกจังหวัดสร้างหอนาฬิกาประจำเมืองไว้เพื่อให้ประชาชนผูกติดกับเวลา เป็นเครื่องเตือนใจในการทำงาน ซึ่งทางเทศบาลเมือง 6 แห่งก็ได้ขานรับและสร้างหอนาฬิกาที่นับเป็นหอนาฬิกาในยุคแรก ได้แก่ เทศบาลเบตง ยะลา เทศบาลเมืองแพร่ เทศบาลเมืองสมุทรปราการ เทศบาลเมืองอัมพวา เทศบาลเมืองพัทลุง และเทศบาลนครธนบุรี
ทั้งนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจะได้เร่งสร้างต่อไป สำหรับส่วนที่กำลังสร้าง แต่ยังไม่เสร็จมีอีก 13 เมือง หนึ่งในนั้นคือเมืองลำปาง
ในหนังสือ ๒ ฟากแม่น้ำวัง ๒ ฝั่งนครลำปาง ซึ่งไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น เป็นบรรณาธิการนั้น ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า หอนาฬิกาเมืองลำปางก่อสร้างในปี พ.ศ. 2497-2498 ช่วงจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรี ออกแบบโดยนายทองจูน สิงหกุล หัวหน้ากรมโยธากรุงเทพฯ งบประมาณการก่อสร้าง 120,000 บาท ความสูง 11 เมตร ทว่าหากก่อสร้างให้ตรงตามแบบจริง ๆ จะต้องใช้เงินสูงถึง 180,000 บาท สรุปจึงต้องลดความสูงลงเหลือ 10 เมตร เพื่อให้อยู่ในวงเงินจำกัด
หอนาฬิกาเมืองลำปางยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน กระทั่งทางเทศบาลนครลำปางมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ข่วงนคร (ห้าแยกหอนาฬิกา) เมื่อ 4 ปีก่อน นับเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งสำคัญของหอนาฬิกาเลยก็ว่าได้
มีการขยายฐานโดยรอบให้กว้างขึ้น ส่งผลให้หอนาฬิกาดูโดดเด่นกว่าที่เคย มีการหุ้มทองจังโกใหม่บนเรือนยอดซุ้มด้านหน้าทั้ง 4 ทิศ ที่สำคัญ มีการเปลี่ยนนาฬิกามาเป็นยี่ห้อ BODET จากประเทศฝรั่งเศส
ความพิเศษของหอนาฬิกาในช่วงแรกหลังการเปลี่ยนแปลงก็คือ มีเสียงดังบอกเวลาเป็นระยะ แต่ภายหลังได้ตัดเสียงไป เนื่องจากรบกวนชาวบ้านในละแวกใกล้ โดยเฉพาะยามดึกดื่นค่อนคืนที่เมืองลำปางช่างเงียบสงัด เสียงดังจากหอนาฬิกาจึงไม่ใช่เสียงที่น่ารื่นรมย์นัก กรณีนี้เช่นเดียวกับวงเวียนไก่ขาวบริเวณสะพานพัฒนาภาคเหนือ ซึ่งในช่วงแรกมีเสียงไก่ขันเป็นระยะเช่นกัน แต่ก็ต้องตัดเสียงไปเพราะรบกวนชาวบ้าน
หอนาฬิกายังมีความเที่ยงตรงแม่นยำตลอดอายุการใช้งาน ไม่มีการคลาดเคลื่อนเหมือนนาฬิกาข้อมือ เรียกได้ว่าตั้งครั้งเดียว เดินไปตลอดไม่มีหยุด แม้เมื่อไฟดับ หอนาฬิกาซึ่งใช้ไฟฟ้าในการควบคุมก็จะดับ แต่ครั้นไฟมา เข็มนาฬิกาที่หยุดเดินไปเมื่อตอนไฟดับจะค่อย ๆ เร่งเดินไปตรงตำแหน่งเวลาปัจจุบัน แล้วเดินต่อไปตามปกติ ไม่เป็นภาระให้ต้องไปตั้งกันใหม่
ทุกวันนี้ส่วนการโยธา เทศบาลนครลำปาง เป็นฝ่ายดูแลบำรุงรักษาหอนาฬิกาของเรา ที่ผ่านมายังไม่ปรากฏว่ามีปัญหาอะไร หรือหากมีปัญหา ส่วนการโยธาจะทำหน้าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นก่อน ถ้าแก้ไขได้ก็จะแก้ไขทันที
นาฬิกา จังหวัดลำปาง